ทำหน้าให้เรียวเล็กลง โดยไม่ต้องผ่าตัด
- Details
- Category: Article
โดย นพ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์
“คุณหมอค่ะ รู้สึกว่าตัวเองหน้าใหญ่จังเลย ยิ่งถ้าเวลาถ่ายรูปออกมา หน้าบานบังรัศมีเพื่อนๆหมดเลย จะทำอย่างไรดีค่ะ แต่ขอแบบไม่ผ่าตัดน่ะค่ะ” คนไข้รายหนึ่งมาปรึกษาต้องการทำการลดหน้าให้เล็กลง
“คุณหมอค่ะ ช่วยทำให้หน้าเรียวเล็กลงได้มั้ยค่ะ เพราะเวลาไปถ่ายละคร ตัวจริงหน้าดูไม่ใหญ่ แต่พอออกกล้อง หน้าดูบานมาก ถ่ายออกมาไม่สวยเลย” รายนี้เป็นดาราที่มาปรึกษาต้องการทำหน้าให้เล็กลง เพราะถ่ายรูปหรือถ่ายละครจะได้ดูสวยขึ้น
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวอย่างของคนที่มีปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่ หน้ากรามออก หรือหน้าเหลี่ยม แล้วแต่คนจะเรียก ที่มาปรึกษาให้หน้าเรียวเล็กลง
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ คนที่มีปัญหาดังกล่าว มักจะคิดถึงแต่การผ่าตัดเหลากรามออก ซึ่งแน่นอน ถ้าเป็นการผ่าตัด ต้องมีอาการบวม ฟกช้ำ ต้องพักฟื้นนานหลายวัน และถ้าผลออกมาไม่สวยอย่างที่ตั้งใจ จะแก้ไขก็ยาก
แต่ปัจจุบันมีวิธีช่วยคนที่มีปัญหาหน้าใหญ่ให้หน้าเรียวเล็กลง โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด นั่นก็คือ การใช้วิธีการฉีดโบธ็อกเพื่อลดขนาดกราม
หลักการ
การที่เรามีหน้าบานออก อาจจะเป็นจาก3สาเหตุ
1. ไขมันที่มากเกินไป
2. ขนาดของกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่
3. ขนาดของกระดูกกรามที่โตและบานออก
การอาศัยโบธ็อกในการขนาดของกรามให้เล็กลงจะเป็นการออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อ ดังนั้นในรายที่ฉีดโบธ็อกเพื่อให้หน้าเรียวเล็กลง จะเห็นผลได้ชัดเจนที่สุด ในรายที่มีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่
วิธีที่จะดูเองง่ายๆว่าเรามีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่หรือไม่ ก็สามารถทำได้ดังนี้ เอามือ2ข้างแบออก นำมือส่วนที่เป็นนิ้วมือ มาสัมผัสบริเวณกรามทั้ง2ข้าง กดน้ำหนักลงไปเล็กน้อย แล้วกัดฟัน ถ้ากล้ามเนื้อยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไร จะรู้สึกเป็นก้อนมาดันมือแรงมากเท่านั้น
แต่ถ้าคนที่มีขนาดกระดูกกรามใหญ่ร่วมด้วย ก็อย่าเพิ่งท้อใจไปนะครับ เพราะมีการศึกษาพบว่า ถ้าเราฉีดโบธ็อกลดกล้ามเนื้อกราม สัก3-4ครั้งติดต่อกัน พบว่าโครงกระดูกกรามกลับปรับลดตัวลงให้เล็กลงตามกล้ามเนื้อไปด้วย ดังนั้นในช่วงระยะแรกๆของการฉีดโบธ็อกลดกราม ขนาดกล้ามเนื้อจะลดลงทำให้เห็นหน้าเรียวขึ้น และอนาคตจะเรียวขึ้นได้อีก เพราะกระดูกกรามจะมีขนาดเล็กลงตามมาด้วย
ส่วนในรายที่ใบหน้าใหญ่จากไขมัน ก็มีวิธีที่ลดไขมันที่ใบหน้าให้หน้าเล็กลงด้วย แต่จะไม่กล่าวถึงในที่นี้ครับ
วิธีการ
เป็นการรักษาที่ใช้เวลาน้อยมาก เพียงแค่ไม่เกิน5นาที ก็เป็นอันเสร็จสิ้น โดยแพทย์จะเตรียมให้คนไข้นั่ง และทำการฉีดโบธ็อกลงไปที่กล้ามเนื้อกรามข้างละ1-5จุด แล้วแต่ความถนัดของแพทย์แต่ละท่าน แต่โดยปกติ ผมนิยมฉีดข้างละ3จุด โดยแต่ละจุดที่ฉีดต้องมั่นใจว่า ยาได้ลงไปที่ชั้นกล้ามเนื้อ และเป็นกล้ามเนื้อกรามจริงๆ ไม่ได้ไปเข้าผิดโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น
ปริมาณยาที่ฉีดเข้ากล้าม แต่ละข้างมักจะอยู่ที่12-30ยูนิตของโบธ็อก ขึ้นกับขนาดของกล้ามเนื้อคนไข้ และขึ้นอยู่กับโครงรูปหน้าของคนไข้ด้วยว่าเหมาะกับการฉีดโบธ็อกในปริมาณ เท่าไร บางคนถึงแม้กล้ามเนื้อกรามใหญ่ ที่จริงควรใช้ปริมาณโบธ็อกมาก แต่ถ้าโครงหน้าไม่เหมาะให้ฉีดปริมาณมาก เพราะถ้าบางโครงหน้าถ้าฉีดจำนวนยามากไป ใบหน้าอาจออกมาไม่สวยดั่งใจ
ระยะเวลาเห็นผล
ภายใน1-2สัปดาห์ จะเริ่มเห็นผลว่าใบหน้าเรียวเล็กลง และอาจเล็กลงไปได้ต่อไปอีกใน1เดือนแรกหลังการฉีด
คนไข้ส่วนมากที่มารับการฉีดโบธ็อกเพื่อลดกราม จะให้ข้อมูลว่าคนรอบข้างมักจะทักว่าดูผอมลง โดยที่ไม่รู้ว่าไปทำการรักษาด้วยโบธ็อกมา
โดยทั่วไปถ้าฉีดครั้งแรก ผลที่หน้าจะยังคงเรียวอยู่ จะคงอยู่ได้ประมาณ 4-6เดือน ซึ่งผมมักจะแนะนำให้คนไข้ฉีดซ้ำครั้งที่สอง ที่อีก4เดือนหลังฉีดครั้งแรก หลังจากนั้นผลของโบธ็อกที่ทำให้กล้ามเนื้อเล็กนี้ จะอยู่ได้นานขึ้น และในการฉีดครั้งที่2 อาจอยู่ได้นานถึง6-8เดือน และในครั้งต่อๆไป อาจอยู่ได้ถึงเกือบปี
และพบว่าถ้ากล้ามเนื้อคงความเล็กไว้นานเป็นปี อาจส่งผลให้ขนาดโครงกระดูกเล็กตามลงได้ด้วย
ดังนั้นในช่วงแรกของการที่ทำให้หน้าเรียวจึงเป็นผลของกล้ามเนื้อกรามที่เล็ก ลง แต่ผลของระยะต่อมา จะเป็นผลจากทั้งกล้ามเนื้อที่เล็กลง และโครงกระดูกที่เล็กลงด้วย
ดังนั้นในรายที่หน้าดูเหลี่ยมจากโครงกระดูกกรามที่ใหญ่ ก็ยังสามารถใช้โบธ็อกเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ซึ่งจะทำให้ผลต่อมาในอนาคต ขนาดกระดูกจะเล็กลงตามไปด้วย โดยที่ไม่ต้องไปทำศัลกรรมเพื่อเหลากระดูกกราม
ผลข้างเคียง
ในระยะแรกหลังจากที่ขนาดกล้ามเนื้อกรามเริ่มเล็กลง จะรู้สึกว่าเวลาเคี้ยวอาหารจะเนือยๆลง หรือบดเคี้ยวอาหารได้ไม่แรงเท่ากับปกติ และเวลาเคี้ยวอาหารที่เหนียวๆเป็นเวลานานๆ จะรู้สึกเมื่อยกรามได้เร็วขึ้น แต่อาการจะมีไม่มาก และไม่ได้รบกวนชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตาม อาการนี้จะรู้สึกอยู่ไม่นาน ประมาณ2-4สัปดาห์ อาการก็จะกลับมาเป็นปกติ
ในระยะแรกๆ คือประมาณ2สัปดาห์แรกหลังรับการฉีดท็อกซ์กราม บางรายอาจพบว่ามีบางส่วนของกล้ามเนื้อกรามดูปูดขึ้นมาเป็นก้อนๆ โดยเฉพาะเวลาเคี้ยวอาหาร นั่นเป็นเพราะกล้ามเนื้อบางส่วนลดการทำงานลงจากโบธ็อก ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนพยายามบีบตัวแรงขึ้นเพื่อชดเชยกล้ามเนื้อที่ลดการทำ งานลง แต่อาการนี้ก็จะเป็นเพียงชั่วคราวในช่วง2สัปดาห์แรกเท่านั้น
อาการปวดร้าว หรือปวดตึงๆ อาจมีได้ในช่วงวันแรกๆหลังการฉีด โดยเฉพาะในรายที่เข็มอาจไปถูกเส้นเลือดของกล้ามเนื้อทำให้เกิดการช้ำในกล้าม เนื้อ(ซึ่งโอกาสเกิดได้ไม่บ่อย) แต่ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด และเพียงไม่กี่วันอาการก็จะหายไปได้เอง
แต่ในขณะที่ฉีดยาบ็อกซ์ไปที่กล้ามเนื้อกราม อาจมีอาการปวดหน่วงๆได้บ้างขณะเดินยา แต่อาการมักไม่มาก และโดยทั่วไปคนไข้จะให้อาการว่า “เจ็บน้อยกว่าที่คิดไว้มาก” แต่อย่างไรก็ตามในการฉีดครั้งต่อๆไป อาจมีอาการเจ็บขณะเดินยามากกว่าการฉีดครั้งแรกเล็กน้อย
“คุณหมอ ขอบคุณมากนะค่ะ ตอนนี้หน้าเล็กลงมากเลย มีคนทักว่าสวยขึ้นเยอะ” คนไข้โทรมารายงานผลการรักษาครับ