Subperiosteal lnjection with Blunt Cannula
- Details
- Category: Article
ปัญหาใต้ตา จะหมดไป ด้วยฟิลเลอร์เทคนิค Lifting Multi Layer Support
โดยวิธี Subperiosteal lnjection with Blunt Cannula
ปัญหาสำคัญ ปัญหาหนึ่งที่เป็นปัญหาที่พบในทุกๆคน ทุกเพศและทุกวัย คือปัญหาความเสื่อมโทรมและความแก่ชราใต้ตาที่สำคัญเพราะตาเป็นจุดแรกที่เรามองกันเป็นจุดที่สำคัญ และเห็นชัดที่สุดบนใบหน้า การที่จะดูแก่หรืออ่อนวัย จุดสำคัญมากที่สุดจุดหนึ่งคือ ตา ดังนั้นถ้าใต้ตาใครผิวเรียบเนียนไม่มีร่องรอย ไม่มีถุงใต้ตา ไม่มีร่อง และไม่มีรอยคล้ำ ก็จะดูแล้วอ่อนเยาว์แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าใต้ตาดูหมองคล้ำเป็นริ้วรอย เป็นร่อง เบ้าตาโบ๋ลึกและมีถุงใต้ตา ก็จะทำให้เจ้าของตานั้นดูแก่ชราและดูอิดโรย
สาเหตุและความรุนแรงของความแก่ชราใต้ตาในระยะต่างๆ
ความแก่ชรา เกิดขึ้นได้กับทุกส่วนบนใบหน้า แต่ความแก่ชราที่ใต้ตานั้น สามารถเมเกิดปัญหาได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก หรือวัยรุ่น ซึ่งสาเหตุที่สำคัญของปัญหาต่างๆนี้ เกิดจากกระดูกเบ้าตาที่เสื่อมโทรมลงตามวัย แม้จะอายุน้อยแค่ช่วงวัยรุ่นหรือหนุ่มสาว ก็อาจเริ่มเกิดปัญหาได้
ความชราของใต้ตาในระยะแรก ซึ่งสามารถเห็นได้ตั้งแต่วัยก่อน 10-25 ปี ใต้ตาดูแบนและเริ่มมีร่องใต้ตาหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ร่องน้ำตา และอาจเห็นใต้ตาดูคล้ำ ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการพร่องหรือทรุดตัวของกระดูกโหนกแก้มส่วนที่อยู่ใต้ตา
ความชราของใต้ตาในระยะที่ 2 ระยะนี้มักพบในคนวัย 25-35 ปี อาการของระยะที่ 1 เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เริ่มมีริ้วรอยรอบๆ ดวงตาและใต้ตา ขอบของกระดูกเบ้าตาเริ่มเห็นชัดมากยิ่งขึ้น ขอบเบ้าตาดูลึกขึ้น ร่องใต้ตาจึงลึกตั้งแต่หัวตาและลากเห็นเบ้าตึงขอบด้านข้างและเริ่มเห็นถุงใต้ตาเล็กน้อย ปัญหาเกิดจากกระดูกโหนกแก้มที่ใต้ตาทรุดมากยิ่งขึ้น ร่วมกัยกระดูกเบ้าตาจะเริ่มเสื่อมลงทำให้เบ้าตาลึกไม่มีตัวพยุงผิวรอบๆตา ร่วมกับการสูญเสียไขมันที่บุรอบๆ เบ้าตา
ความชราของใต้ตาในระยะที่ 3 ระยะนี้มักพบในคนวัย 35-45 ปี อาการทั้งหมดที่ว่ามารุนแรงมากยิ่งขึ้น ร่องใต้ตาและเบ้าตาดูลึกอยางชัดเจน ถุงใต้ตาป่องออกมากขึ้น และริ้วรอยใต้ตาลึกและยาวมากยิ่งขึ้น ปัญหานี้เกิดจากการทรุดตัว และเสื่อมลงของกระดูกโหนกใต้ตาและกระดูกเบ้าตา ผิงหนังและชั้นกล้ามเนื้อรอบๆตา เริ่มเกิดการเสื่อมลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อยจึงป่องออกเป็นถุงมากยิ่งขึ้น
ความชราของใต้ตาใรระยะที่ 4 ระยะนี้มักพบในคนวัย 45-60 ปี อาการความรุนแรงของปัญหามากยิ่งขึ้น ถุงใต้ตาป่องออกมาอย่างมาก จนแม้กดผิวใต้ถุงใต้ตาก็ไม่สามารถดันถุงกลับไปได้ ร่องใต้ตาเห็นเป็นร่องชัดเจนและลึกมาก ริ้วรอยรอบตาเห็นได้ชัด แม้จะไม่ได้กำลังยิ้มอยู่ก็ตาม ผิวหนังใต้ตาดูเหลวและขาดความยืดหยุ่น ปัญหานี้เกิดจากกระดูกบริเวณรอบตาทั้งหมดเสื่อมลงอย่างมาก ร่วมกับไขมันที่รอบกระดูกเบ้าตาหายไปจนแทบไม่เหลือ ร่วมกับผิวหนังและกล้ามเนื้อรอบๆ ตาหย่อนเพราะคลอลาเจนอและอีลาสตินของผิวหนังสูญเสียไปอย่างมาก
ความชราของใต้ตาในระยะที่ 5 ระยะนี้พบในคนวัยมากกว่า 60 ปี ขึ้นไปเป็นระยะที่ผิวรอบตาเหลวเละ ทั้งผิวหนังที่ถุงใต้ตาและผิวรอบๆ หย่อนและและตกลงอย่างมาก แต่กระดูกเบ้าตาดูเห็นเป็นร่องของกระดูกชัดมาก ทำให้เบ้าตาดูโหล่ลึกเห็นเป็นผิวใต้ตาไม่เรียบมีร่องหลายๆร่อง ปัญหาระยะนี้เกิดจากการเสื่อมอย่างมากของทั้งกระดูกรอบๆตา รวมทั้งผิวหนังและกล้ามเนื้อรอบๆตา รวมทั้งผิวหนังและกล้ามเนื้อรอบ
เทคนิคในการใช้ฟิลเลอร์แก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยวิธี Lifting Multilayer Support
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่คิดค้นขึ้นโดย น.พ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์ไปเมื่อปีก่อน โดยค้นพบว่า การฉีดฟิลเลอร์ เพื่อแก้ปัญหาใต้ตานี้มี 6 จุดสำคัญ
1.จุดที่กระดูกโหนกแก้มใต้ตา โดยจุดนี้ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดสูง และมีประสิทธิภาพในการยกที่ดี เพื่อจะช่วยพยุงยึดหรือทดแทนกระดูกส่วนที่ทรุดหายไปให้ยกกลับขึ้นมา และจะส่งผลพยุงให้ผิวใต้ตากระชับขึ้น ร่องลึกใต้ตาตื้นขึ้น และถุงใต้ตาก็จะโดนดันให้กลับหายไป โดยฉีดชั้นลึก จุดนี้ควรฉีดในทุกๆ คนที่มีปัญหา ดังนั้นแม้จะเป้นเพียงปัญหาตาระยะเริ่มแรก ในคนวัย 20 ปี ก็ควรฉีดจุดนี้ ในทุกๆคน
2.เหนือจุดที่ 1 เป็นจุดที่ฉีดในชั้นลึกในระดับเดียวจุดที่ 1 แต่ในตำแหน่งที่สูงกว่า คือตำแหน่งที่เป็นท้องช้างของถุงใต้ตา หรือร่องใต้ตา
3.จุดที่อยู่ข้างสุดของเบ้า โดยฉีดที่ระดับลึกเช่นกัน
4.จุดร่องตาตำแหน่งใกล้ไปทางหัวตา โดยฉีดระดับความลึกในระดับชั้นกล้ามเนื้อตา
5.จุดระหว่างจุดที่ 2 จุดที่ 3 โดยลึกเช่นกัน
6.จุดระหว่างจุดที่ 2 และจุดที่4 โดยจุดนี้แนะนำให้ฉีดที่ชั้นใต้กล้ามเนื้อที่ไม่ลึกมาก
จุดทั้งหมด คือตำแหน่งเฉพาะที่ นพ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ คิดค้นขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความแก่ใต้ตาที่ได้ผลดี โดยจุดที่ 1 ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดสูงแต่ตั้งจุดที่ 2 ถึงจุดที่ 6 ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดน้อย สำหรับผิวของใต้เปลือกตาโดยเฉพาะ จะทำให้สวยกว่า เทคนิคใหม่ที่เอามาผสมผสานให้ได้ผลดีขึ้นและอยู่ได้ยาวนานนั่นคือ Subperiosteal Injection with Blunt Cannula
และถ้าจะให้ผลดียิ่งขึ้น น.พ. รัสมิ์ภูมิ พบเทคนิคใหม่ที่ใช้ตำแหน่ง และการฉีดเหมือนเดิม แต่ความลึกของจุดที่ฉีด ในจุดที่ 1,2,3 และ 5 จะฉีดฟิลเลอร์โดยฝังเข้าไปเยื่อหุ้มกระดูก โดยการใช้เข็มทู่ (Subperiosteal Injection with Blunt Cannula ) ไม่ใช่แค่เพียงวาง หรือสัมพัสอยู่บนกระดูก ซึ่งจะไม่ดีเท่ากับการฝังไปใต้เยื่อหุ้มกระดูก
ผลที่ได้รับ นอกจากจะทำให้ตาดูอ่อนวัยและไม่อิดโรยแล้ว ผลที่ได้ คือ ประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมในการแก้ปัญหาใต้ตาแก่และทำให้อยู่ได้นาน ซึ่งอาจนานมากกว่า 1 ปี จนไปถึงหลายๆ ปีได้ นอกจากนี้ ยังปลอดภัยเพราะตำแหน่งที่ฉีดนั้น ไม่มีเส้นเลือดใหญ่ที่จะมีอันตรายต่อเส้นเลือดหรือดวงตาได้เลยจึงส่งผลให้วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฉีดแก้ปัญหาใต้ดวงตาทำให้ดูอ่อนเยาว์ และยังสามารถเอาเทคนิคไปใช้กับการฉีดฟิลเลอร์ที่ตำแหน่งอื่นๆได้อีกด้วย
ขอแนะนำสำหรับคนที่มีปัญหาใต้ดวงตา หรือคนที่อาจจะมีปัญหาใต้ดวงตาในอนาคต สุดท้ายขอให้ น.พ. รัสมิ์ภูมิ ฝากทิ้งท้ายในเรื่องปัญหาความชราใต้ดวงตา” ปัญหาบนหน้าที่ตำแหน่งไหนๆถ้าเราปล่อยช้า ปัญหาจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาใต้ตาก็เช่นกัน บางคนอาจมีแค่ปัญหาเบ้าตาลึกร่องใต้ตา หรือเริ่มเป็นถุงใต้ตา การรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ชนิดเทคนิค Lifting Muililayer Support and Subperriosteallnjection with Blunt Cannula ไม่เพียงจะแก้ปัญหาอนาคตที่กำลังจะเกิดเมื่ออายุมากขึ้น ดังนั้นถ้ารีบมาทั้งแต่เนิ่นๆ แม้จะสูงวัยขึ้น แต่ใต้ตาจะยังคงดูดีกว่าคนในวัยเดียวกัน และแม้ว่าปัญหาเป็นมากแล้ว ก็ยังสามารถมารักษาได้ ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาจะรุนแรงมากยิ่งๆ ขึ้นทุกๆวันครับ