Q &A : การปรับหน้าแบบองค์รวม

Category: Q & A

การปรับหน้าแบบองค์รวม

ประเด็นคำถาม

 

1. การปรับใบหน้าองค์รวมเป็นอย่างไร

คนไข้บางรายอาจกังวลแค่ปัญหา เพียงอย่างหนึ่ง หรือบางอย่างบนใบหน้าตัวเอง แต่คนไข้เห็นหน้าตัวเองแบบ2มิติ แต่แพทย์ที่มีหลักการและความรู้เรื่องการปรับรูปหน้า จะสามารถวิเคราะห์ได้ดีกว่าที่คนไข้ดูจากตัวเอง เพราะปัญหาบางอย่าง ถ้าแก้เฉพาะส่วน อาจไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้อย่างที่คาดไว้ อาจจะต้องปรับโดยอาศัยหลักการการปรับใบหน้าในลักษณะการดูประกอบทั้งใบหน้า การปรับหน้าบางจุดอาจจะส่งผลต่อส่วนของใบหน้าอีกจุดหนึ่งได้

 

2. ปัญหาที่เกิดขึ้นบนใบหน้า

- โดยหลักแล้วมีอะไรบ้าง (เช่น แก้มเยอะ หน้าบาน แก้มห้อยลง)

มีตั้งแต่ หน้าไม่ได้รูป เช่น หน้าบาน หน้าเหลี่ยม หน้าตอบ กระดูกโหนกแก้มเด่น หน้าหัก สัดส่วนหน้าไม่สวยงาม เช่น คางสั้น จมูกสั้น หน้าผากแคบ องค์ประกอบใบหน้าไม่สวยงาม เช่น เปลือกตาตก แก้มห้อยย้อย คางป้านใหญ่

- แต่ละปัญหามีลักษณะอย่างไร

บางปัญหาเป็นมาแต่โครงหน้าเดิม หรือเป็นมาแต่กำเนิด แต่บางปัญหามาเกิดขึ้นเพราะผลจากอายุที่มากขึ้น

- มีการวินิจฉัยอย่างไร

หลักการ มีหลายอย่างเช่น เราต้องปรับใบหน้าให้ใกล้เคียงรูปไข่ที่สุด แต่ให้มีลักษณะที่เหมาะกับเพศ เช่นเพศชาย ก็ต้องเป็นทรงไข่แบบผู้ชายเป็นต้น การปรับหน้า เราต้องรู้องศาของส่วนต่างๆของใบหน้าว่าแต่ละส่วนควรมีอาศาอย่างไรจึงจะสวยงาม และควรจะรู้กลไก และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าในแต่ละส่วนที่เกิดจากวัยที่มากขึ้น เมื่อแพทย์เข้าใจดังกล่าวแล้ว ก็จะสามารถจินตนาการได้ว่า หน้าที่สวย และอ่อนวัย เป็นเช่นไร ก็จะออกแบบใบหน้าให้ออกมาได้เหมาะสมครับ

- แนวทางการรักษามีอะไรบ้าง มีเทคนิคที่มีชื่อเรียกเฉพาะหรือไม่ (เช่น เทคนิคการปรับรูปหน้าให้เรียว การลดไขมัน)

โดยส่วนตัว นอกจากการตรวจและวิเคราะห์โครงหน้าแล้ว เราจะรักษาด้วยการใช้เทคนิคเฉพาะตัวที่คิดค้นขึ้น หลายๆอย่างผสมผสานกัน เช่น Triangular face lift, Multidirection force และ Lifting and Multilayer lift

- หลักการทำงานของวิธีการนั้นๆ ที่ช่วยปรับใบหน้าให้ดีขึ้นได้

ผลของการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าว จะทำให้หน้ายกกระชับขึ้นด้วยแรงดึงของฟิลเลอร์ และโบธ็อก ส่วนเกินบางส่วน ใช้โบธ็อกลดได้ หรือใช้ฟิลเลอร์เพื่อพรางตาให้ลดสัดส่วนๆนั้นๆได้ รวมทั้งเสริมส่วนของใบหน้าให้เข้ารูปสวยงามขึ้นได้

- ผลข้างเคียงจากการรักษา

ผลข้างเคียง เหมือนการฉีดโบธ็อก และฟิลเลอร์ทั่วไป คือ อาจมีรอยช้ำบวมจากเข็มได้ และหายไปใน 1สัปดาห์ รวมทั้งอาจมีอาการปวดตึงได้3-4วัน สวนผลข้างเคียงที่รุนแรงจะไม่เกิดขึ้นถ้ารู้จักเทคนิคและวิธีทำที่ถูกต้อง

- ระยะเวลาในการรักษาเพื่อให้เห็นผล

ผลการรักษา ในส่วนที่ต้องใช้ฟิลเลอร์จะเห็นผลได้ทันที แต่ส่วนที่ต้องใช้โบธ็อก จะเห็นผลได้ใน1-2สัปดาห์

- การเตรียมตัวก่อนการรักษา

เหมือนการฉีดทั่วๆไป ถ้าเป็นไปได้ควรงดทานยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกได้ง่ายมาก่อน อย่างน้อย1 สัปดาห์ และควรทำความเข้าใจกับแพทย์ ให้วัตถุประสงค์ และความเข้าใจตรงกันก่อนที่จะทำการรักษา

- การดูแลหลังการรักษา

เหมือนการฉีดโบธ็อก และฟิลเลอร์ทั่วไป คือเลี่ยงการทำเลเซอร์ หรือเลี่ยงการอบร้อนๆ รวมทั้งเลี่ยงการกดนวดหน้าบริเวณที่ฉีด 2สัปดาห์หลังฉีดไป

 

3. ผลลัพธ์หลังการรักษา (เช่น หน้าเรียวเล็กลง หน้าเด็กลง ยกกระชับ อย่างเป็นธรรมชาติ)

ผลของการรักษา ทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนที่สวยงามขึ้น เป็นทรงหน้าที่ใกล้เคียงรูปไข่มากขึ้น ส่วนต่างๆของใบหน้าถ้ายาวไป ก็สามารถแลดูสั้นลง หรือบางส่วนที่สั้น ก็แลดูยาวขึ้น หน้าที่หย่อนคล้อย ก็ดูยกกระชับขึ้น หน้าที่ดูใหญ่ไปก็ทำให้เรียวเล็กลง หน้าที่ตอบไป ก็ทำให้ดูมีน้ำมีนวลขึ้น ทำให้หน้าสวยขึ้น และดูเด็กลง และที่สำคัญคือ แลดูเป็นธรรมชาติ

 

4. การใช้วิธีการอื่นๆ ร่วมรักษา เช่น การยิงเลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน เพื่อชะลอความแก่และเหี่ยวหย่อนยาน

สามารถใช้ร่วมกันได้ โดยถ้าทำในวันเดียวกัน ให้ยิงเลเซอร์ก่อนแล้วตามด้วยฉีดปรับหน้า แต่ถ้าฉีดปรับรูปหน้าแล้ว สามารถยิงเลเซอร์ได้หลังจากเว้นไว้2-4สัปดาห์

 

5. คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการลดคางสองชั้นด้วยวิธีดังกล่าว (เช่น การปรับรูปหน้า เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ ประกอบกับการวิเคราะห์และอาศัยประสบการณ์ ต้องรู้ตำแหน่งของการปรับในคนไข้แต่ละคน ซึ่งแตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าแพทย์คนไหนก็จะทำได้ นอกจากนี้ยังควรใช้ยาที่ดี มีคุณภาพ เพื่อให้ได้ผลดีและปลอดภัย)

การปรับรุปหน้าแบบองค์รวมนี้ สามารถลดปัญหาคาง2ชั้นลงได้มาก เพราะการปรับหน้าทำให้หน้ายกกระชับ และกรอบหน้าชัดเจนขึ้น ผลที่ได้เมื่อหน้ายกกระชับ ก็จะดึงให้ผิวใต้คางกระชับขึ้น ผลคือเนื้อคาง2ชั้นจะลดลง โดยทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์ ออกแบบใบหน้าอย่างถูกต้อง และเทคนิคการทำต้องถูกต้องด้วย ไม่เช่นนั้นบางครั้ง แทนที่ปัญหาจะน้อยลง กลับอาจจะทำให้ปัญหารุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย